"จอน เอ็ดดี้ อับดุลลาห์" ซีอีโอใหม่อายุงาน 1 เดือนแห่ง "ดีแทค" ถือโอกาสเปิดห้องประชุมชั้น 41 ตึกจามจุรีสแควร์ เพื่อตอบข้อซักถามต่าง ๆ พร้อมประกาศแผนลงทุนวงเงิน 1,200 ล้านบาท จำนวน 1,220 สถานีฐาน เพื่อให้บริการ 3G แม้ยังไม่รู้ว่าจะเก็บตังค์ได้เมื่อไร
ในห้วงเวลาที่คู่แข่งเร่งสปีดอย่างหนักเพื่อช่วงชิงความเป็นผู้นำ 3G ขณะที่ตลาดเองก็พร้อมแล้วสำหรับบริการ ใหม่ ๆ จึงนับเป็นความท้าทายยิ่งสำหรับแม่ทัพคนใหม่
- อะไรคือปัญหาของดีแทค
ต้องบอกตรง ๆ ว่าเราไม่รู้จริง ๆ ว่าทำไมถึงไม่ได้อนุมัติเปิดบริการเชิงพาณิชย์ เพราะเมื่อเดือน ม.ค.-ก.พ.ที่ผ่านมา คณะกรรมการ ม.22 ก็มีมติออกมาว่าให้ดีแทคเปิดบริการเชิงพาณิชย์ได้ทำให้เราคิดเดินหน้าลงทุน ต่อมาแม้ กสทฯจะมีเงื่อนไขเพิ่มเติมให้ดีแทคสละสิทธิ์การฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายในอนาคต หากมีการยกเลิกสัมปทาน เรื่องนี้เป็นเงื่อนไขใหม่ที่ไม่มีอยู่ในสัมปทาน แต่เราก็ยินดีสละสิทธิ์เรียกร้องค่าเสียหายจากการลงทุนเบื้องต้น ก็ยังไม่ได้รับอนุญาตให้คิดเงินลูกค้า
- ไม่ได้อนุมัติแต่ลงทุนก่อน ไม่คิดว่าเป็นความเสี่ยง
เมื่อ กสทฯไม่ให้ทำเราก็ต้องกลับมาคิดว่าจะทำยังไง วันนี้ได้คำตอบว่าเราพร้อมลงทุนต่อ ในวงเงิน 1,200 ล้านบาท จำนวน 1,220 สถานีฐาน เพื่ออัพเกรดโครงข่ายเป็น HSPA บนคลื่นเดิม แบ่งเป็น 350 ล้านบาทสำหรับกรุงเทพฯ จำนวน 400 เซลล์ไซต์ อีก 850 ล้าน ใน 20 จังหวัด และพื้นที่ห่างไกล
เรามั่นใจว่าใน 3 เดือนนี้จะหาทางออกให้กับปัญหานี้ได้ การขยายเครือข่ายในกรุงเทพฯ 400 สถานีฐาน ใช้เวลา 3 เดือน ระหว่างนี้จะพยายามเจรจา กสทฯเพื่อหาทางออกร่วมกัน ผมไม่มีทางเอาบริษัทมาเสี่ยง เมื่อประกาศไปแล้วว่าจะลงทุนก็ต้องพยายามอย่างเต็มที่ผลักดันให้สำเร็จ
เราได้พยายามทำหน้าที่ของเรา โดยมองไปยังการตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคให้มีโอกาสใช้ประโยชน์จากบริการสื่อสารความเร็วสูง ก็อยากให้ กสทฯและ กทช.ให้การสนับสนุนด้วย
- ระหว่างขยายเครือข่ายก็จะให้ทดลองบริการด้วย
คำว่า น็อนคอมเมอรŒเชียล เป็นแค่ คำที่ประดิษฐ์ขึ้นมา เพราะในสัมปทาน เรามีหน้าที่พัฒนาเครือข่ายและการบริการให้ทันสมัยอยู่เสมอ ดังนั้นการ อัพเกรดเครือข่ายเดิมบนความถี่เดิมจาก 2G เป็น 3G ก็เป็นเรื่องปกติ เหมือนตอนที่เราอัพเกรด GPRS เป็น EDGE
- จะเจรจากับ กสทฯอย่างไร
เหมือนที่เคยทำ แต่แอ็กเกรสซีฟขึ้น เพราะสถานการณ์ของดีแทคไม่เหมือนเมื่อ 3 ปีที่แล้ว 3 ปีก่อนเราดำเนินการตามกระบวนการของภาครัฐ ในตลาดยังไม่มีการแข่งขันเพื่อให้บริการ 3G ตอนนั้นมีเวลา แต่วันนี้สถานการณ์เปลี่ยนไป คู่แข่งพยายามอัพเกรดพัฒนาเครือข่ายเพื่อเปิดบริการ ดังนั้นเราจึง ไม่สามารถนั่งรอได้
ไม่ใช่แต่สถานการณ์ของดีแทคที่เปลี่ยนไป สถานการณ์ของรัฐบาลและ กสทฯก็เปลี่ยนไปเช่นกัน
รัฐบาลและ กสทฯได้รับแรงกดดันจากสังคมเช่นกัน เพราะผู้บริโภคอยากใช้บริการ 3G และดีแทคประกาศชัดเจนว่าพร้อมลงทุน ถ้าไม่สามารถให้คำตอบได้ว่าทำไมเราไม่ได้ทำก็จะเป็นแรงกดดันไปยัง กสทฯและรัฐบาลในที่สุด
เราคงพยายามพูดคุยทั้งกับ กสทฯและ กสทช.เพื่อหาทางออกที่ดีที่สุด แต่ถ้าไม่สามารถคุยกันเองได้ เมืองไทยก็มีระบบที่จะนำคนกลางมาช่วยได้
- หมายถึงอนุญาโตตุลาการ
เป็นทางเลือกหนึ่ง ในภาพรวมแล้วมั่นใจว่าสิ่งที่เตรียมไว้จะแก้ปัญหาได้ แต่ขอบอกเมื่อถึงเวลา
- ถือว่าเสียเปรียบคู่แข่ง
เสียเปรียบ เพราะเราเป็นเจ้าเดียวที่ไม่ได้รับอนุญาตให้ทำ ทั้ง ๆ ที่เราแค่อยากทำเหมือนคนอื่นเท่านั้น
- ความสัมพันธ์กับ กสทฯเป็นอย่างไร
เป็นการเจรจาแบบมืออาชีพ การเจรจากับ กสทฯในเรื่องนี้สำหรับเราเป็นประเด็นทางธุรกิจ คุยกันเพื่อหาทางออกทางธุรกิจ ซึ่งก็ไม่ได้คิดว่าทุกอย่างจะง่าย รู้ว่ายากมากแต่ก็ยังเชื่อว่าแก้ไขได้ เงินที่เราจะลงทุนเป็นเงินพันล้านบาทก็ต้องมั่นใจว่าทำได้
